ประเด็นร้อน

หน่วยงานราชการ“ดูงานที่ Universal Studios”

โดย act โพสเมื่อ Mar 08,2017

หน่วยงานใต้จมูกนายกฯ “ดูงานตรวจราชการที่ Universal Studios”

รายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ออกมาระบุว่า สตง.เตรียมเข้าตรวจสอบโครงการศึกษาดูงานของ องค์กรอิสระต่างๆ สืบเนื่องจากกรณีผู้บริหารสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งกระทำความผิดวินัยร้ายแรง อ้างศึกษาดูงานผลาญงบประมาณกว่า 6 ล้านบาท จึงต้องการตรวจสอบป้องกันองค์กรอิสระอื่นๆ รวมไปถึงองค์กรท้องถิ่น ที่มีการจัดศึกษาดูงานอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่ ภาพรวมเพื่อต้องการให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประโยชน์สูงสุด ไม่ผิดเพี้ยนวัตถุประสงค์ เพราะถือเป็นเงินของหลวง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็เห็นด้วยกับกรณีที่ สตง.จะมีการตรวจสอบงบประมาณไปดูงานต่างประเทศขององค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งต้องตรวจสอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรขององค์กรไหนก็ตามจะต้องไปดูว่ามันเหมาะสมหรือคุ้มค่าหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีเลยก็คงไม่ใช่ เพราะถ้ามีแล้วเกิดประโยชน์ก็ควรมี แต่จะมีอย่างไร ต้องประหยัดงบประมาณแค่ไหน อย่างไร และไปทำจริงหรือไม่
          

เพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” เผย เปิดทริปเที่ยวดูงานถาม “บิ๊กตู่” จะว่าไง    
ขณะที่รัฐบาลไฟเขียวให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณดูงานอย่างเข้มข้นนั้น วันเดียวกันนี้ (3 มี.ค.60) เพจเฟซบุ๊กปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย ได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากเฟซบุ๊กแห่งหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ถึงการดูงานของภาครัฐแห่งหนึ่ง โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานใต้จมูกนายกฯ ดูงานตรวจราชการที่ Universal Studios”
 
เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน กล่าวบรรยายว่า “บางคนว่าไว้ ชีวิตราชการมันดี มีโอกาสดูงานต่างประเทศ ภาษีชาวบ้านซัปพอร์ต แถมกิน เที่ยว ชอป ต้นปีนี้เอง สำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดศึกษาดูงานการตรวจราชการที่ประเทศสิงคโปร์ เป้าหมายเพื่อสร้างผู้ช่วยผู้ตรวจราชการมืออาชีพ เขียนไว้ในโครงการอย่างนั้น ไปกันเมื่อ 12-15 มกราคมที่ผ่านมา ใช้งบไปร่วม “เก้าแสนหกหมื่นบาท” (960,000 บาท) เดินทาง 12 ม.ค. 60 ถึงสิงคโปร์เวลาเย็น ออกชิลนอกเวลางานแบบไม่ผิดกติกา ถ่ายภาพกับรูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำ สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก วันรุ่ง 13 ม.ค.เป็นการเป็นงานกันทั้งวัน เริ่มจากดูการจัดการผังเมืองที่ Urban Redevelopment Authority ช่วงเที่ยงมีเวลาแวะถ่ายภาพที่ The Arts House รัฐสภาเก่าของสิงคโปร์ ตอนบ่ายดูการวางระบบการจราจรที่ Land Transport Authority มื้อเย็นเก็บเมนูดังปูผัดพริก ร้านต้นตำรับ Roland Restaurant ตกค่ำเดินเล่นเลียบชายฝั่ง East Coast ชมวิวชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Singapore Flyer
 
14 ม.ค. เช้าถึงเที่ยงดูการจัดการขยะที่ TUAS South Incineration Plant ดูเหมือนเรื่องการตรวจราชการจะจบกันแค่นี้ ตกบ่ายไปถ่ายรูปกับ Supertree Grove ต้นไม้จำลองขนาดยักษ์ ไฮไลต์หนึ่งของสิงคโปร์ ต่อด้วยด้วยไหว้วัดพระเขี้ยวแก้ว ย่านไชน่าทาวน์ ช่วงค่ำเก็บเมนูสุดยอดบักกุ๊ดเต๋แห่งสิงคโปร์ที่ Song Fa Bak Kut The และ 15 ม.ค. จัดหนักกับการศึกษาการตรวจราชการที่ Universal Studios สวนสนุกชื่อดังระดับโลก ชอปปิ้งที่ VivoCity ไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ จัดปูผัดพริกอีกรอบที่ภัตตาคาร Jumbo Seafood ก่อนบินกลับไทยช่วงดึกเบ็ดเสร็จดูงานเป็นเรื่องเป็นราวประมาณวันครึ่ง ที่เหลือไปศึกษาการตรวจราชการกันที่อื่น

“ปลัดฯ สปน.-เลขาธิการ ก.พ.-หัวหน้าผู้ตรวจฯ” ที่ปรึกษาโครงการ
     
ด้านแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การดูงานดังกล่าวน่าจะเป็น โครงการฝึกอบรม หลักสูตรผู้ช่วยผู้ตรวจราชการมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่สำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ดำเนินการระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2559 - มกราคม 2560 โครงการนี้ มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัด สปน. นางเมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. และหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาโครงการ และเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพิ่งไปเป็นประธานในการรับฟังการนำเสนอผลการศึกษาดูงาน ณ ประเทศสิงคโปร์ และมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ช่วยผู้ตรวจราชการมืออาชีพ”
       
ทั้งนี้ คณะที่เดินทางไปดังกล่าว เป็นผู้เข้าอบรม 30 คน เป็นบุคลากรในระบบการตรวจราชการ ซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ช่วยผู้ตรวจราชการ สปน. ประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้ตรวจ สปน. เจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการของ สำนักตรวจราชการ สปน., ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการระดับกระทรวง/เจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการกระทรวง ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.), เจ้าหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการ, เจ้าหน้าที่หรือบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการตรวจราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), บุคลากรในระบบการตรวจราชการ ข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งดำรงตำแหน่งทางวิชาการไม่ต่ำกว่าระดับชำนาญการพิเศษ ที่ยังไม่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ช่วยผู้ตรวจราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

 “การเดินไปสิงคโปร์มีวัตถุประสงค์ คือ ไปศึกษาดูงานด้านการตรวจราชการในต่างประเทศ กลุ่มประเทศสมาชิกประชาคม อาเซียนหรือบวกสาม เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบระบบการตรวจราชการของต่างประเทศ โดยนำแนวคิดในการ บริหารจัดการของประเทศต้นแบบ เพื่อเทียบเคียงกับประเทศไทย (Benchmarking) และทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจราชการในต่างประเทศที่สามารถนำมาปรับใช้ในการตรวจราชการ รวมระยะเวลา 5 วัน พร้อมทั้งนำเสนอผลการศึกษาดูงาน จัดทำรายงานผลการศึกษาดูงานฉบับสมบูรณ์และพิธีมอบประกาศนียบัตร”
       
ตั้งงบฯ ใช้ดูงานต่างประเทศ ช่วงสุดท้าย 1,350,000 บาท 

มีรายงานด้วยว่า ขณะที่เว็บไซต์สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของสำนักผู้ตรวจราชการ แจ้งถึงโครงการดังกล่าวว่า มีการดำเนินการอบรมเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 การเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้ารับการฝึกอบรม ระยะเวลา 3 วัน ณ โรงแรมในต่างจังหวัด ช่วงที่ 2 การเสริมสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบ สร้างทัศนคติที่ดีต่อการตรวจราชการ และประสบการณ์ในการตรวจราชการ โดยเน้นการบรรยายและฝึกปฏิบัติ ระยะเวลา 9 วัน ณ โรงแรมในกรุงเทพมหานคร ช่วงที่ 3 การประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยเน้นการลงพื้นที่เพื่อฝึกปฏิบัติการตรวจราชการและการเขียนรายงานผลการตรวจราชการในโครงการที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาล ณ สถานที่/ส่วนราชการในต่างจังหวัด รวมระยะเวลา 3 วัน และช่วงที่ 4 คือดูงานที่ต่างประเทศ
       
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า มีการใช้งบประมาณของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จากงบรายจ่ายอื่น ค่าใช้จ่ายใน การเดินทางไปต่างประเทศตามโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการตรวจราชการ โดยใช้แนวคิดเทียบเคียงกับประเทศไทย (Benchmarking) สำหรับการศึกษาดูงานในช่วงที่ 4 (ไปประเทศสิงคโปร์) ใช้งบประมาณ จำนวน 1,350,000 บาท (หนึ่งล้านสามแสน ห้าหมื่นบาทถ้วน)
       
อย่างไรก็ตาม เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านระบุว่า ใช้งบหลวงในการดูงานครั้งนี้ร่วม 960,000 บาท แต่เว็บไซต์สปน.ตั้งการใช้งบประมาณ จำนวน 1,350,000 บาท อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุว่างบที่เหลือจำนวน 390,000 บาทนำไปไว้ส่วนใด 
 
อ่านข่าวเพิ่มเติม : goo.gl/jEgJV3